คนทำงานหลายคนต้องยอมรับว่าความเครียด และความเหนื่อยล้าจากการทำงาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความสามารถในการทำงานลดน้อยลง ทำให้ความกระตือรือร้นหดหาย จนในที่สุด ทำให้ตัวเองรู้สึกเกิดความกลัวที่จะทำงาน โดยเฉพาะการทำงานในวันจันทร์ คนทำงานส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าไม่อยากจะไปทำงาน แล้วรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก

          การทำงานมาพร้อมกับความเครียดเสมอ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะเราอยากเห็นผลงานที่ดี บางครั้งเราจึงมักจะกดดันตัวเอง หรือกดดันคนอื่นให้เกิดความเครียดในการทำงานโดยไม่รู้ตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำงานให้ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกเช่นนั้นเสมอไป

          ต้องยอมรับว่าไม่มีงานใดที่ทำแล้วไม่เกิดความเครียด เพราะงานทุกงานล้วนต้องเจอกับปัญหา เราจะจัดการกับความเครียดเหล่านั้นอย่างไร จึงจะทำให้ชีวิตการทำงานที่มีความสุขคืนกลับมา และต้องทำอย่างไรจึงจะเรียกคืนการเป็นพนักงานสุขภาพดีคนเดิมกลับมาได้

จัดการความเครียด

          ความเครียดจากการทำงานเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สุขภาพคนทำงาน และสุขภาพของงานก็ย่ำแย่ไปตาม ๆ กัน เมื่อเรามีความเครียดสะสม เราจะไม่สามารถทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น เราจะรู้สึกว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความกดดัน และปัญหาก็จะถาโถมเข้ามาหาเราอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดเราจะเกิดความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับงานของเรา ทำให้งานที่ออกมาได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี และในขณะเดียวกันเมื่อเราเกิดความเครียดร่างกายของเราก็จะทำงานได้ไม่ดี เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้น หากเราต้องการเป็นพนักงานที่ทำงานดี และมีความสุข เราต้องจัดการกับความเครียดซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในการทำงานให้ได้เสียก่อน เมื่อรู้สึกว่าเราทำงานหักโหมมากเกินกว่าร่างกายและสมองจะรับได้ไหว ให้หยุดพักสักครู่ เพราะหากเราไม่หยุด ความเครียดจะเข้ามาสั่งการและควบคุมเรา ทำให้เรารู้สึกไม่มีความสุข ให้ลองลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย หรือทักทายพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้าง ๆ ด้วยเรื่องราวอย่างอื่น หรือลองทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ เมื่อรู้สึกเครียดให้หยุดพักสัก 10-15 นาที แล้วเราจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำงานที่ได้ผลดีไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดอยู่ตลอด ควรหาเวลาพักผ่อนบ้าง เมื่อเราสุขภาพจิตดี เราก็จะทำงานได้ดีขึ้น

จัดสมดุลของงานและชีวิต

          การทำงานหนักหักโหมจนเกินไป ไม่เพียงแต่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย หากเรามัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานหนักเกินไป โดยไม่หันไปมอง หรือใส่ใจคนในครอบครัวเลย ไม่เพียงแต่เราที่จะรู้สึกว่ากำลังถูกตัดขาด แต่สมาชิกในครอบครัวของเราเองก็อาจจะรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาอีกต่อไป ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาครอบครัวในภายหลังได้ ไม่ว่าเราจะมีงานที่ต้องรับผิดชอบยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืม คือ เราต้องจัดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัวให้ดี อย่าทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานมากเกินไป เพราะเราอาจจะสูญเสียความสุขในอีกด้านหนึ่งได้ เราสามารถจัดการปัญหานี้ได้ด้วยการกำหนดเวลาที่แน่นอนในการทำงาน อย่าให้เกินเวลาที่เรากำหนดไว้ เพื่อที่เราจะได้มีเวลาส่วนหนึ่งไปอยู่กับครอบครัว หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ผ่อนคลายความเครียด เมื่อชีวิตของเรามีความสมดุลแล้ว เป้าหมายของการเป็นพนักงานสุขภาพดีก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

ลดความคาดหวัง

          สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตการทำงานของเราเกิดปัญหา คือ การกดดันตัวเองโดยที่เราไม่รู้ตัว บางคนมักจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเราต้องทำงานให้ดีที่สุด เราต้องไม่ทำงานผิดพลาด เราต้องได้รับคำชมจากเจ้านาย เมื่อเราบอกตัวเองว่าต้องทำงานอย่างนี้อยู่ทุกวัน เราก็จะมีความเครียดเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อต้องทำงาน เราสามารถทำงานอย่างจริงจังได้ แต่ต้องไม่นำความเครียดเข้าไปรวมอยู่ด้วย เพราะสิ่งนั้นจะทำลายสุขภาพของเรา การเป็นพนักงานที่ทำงานเก่ง ควรมาพร้อมกับสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ด้วย หากลองพิจารณาดูให้ดี แม้ว่าเราจะเป็นพนักงานที่ทำงานเก่งมากคนหนึ่ง แต่ดูภายนอกแล้ว เราเป็นคนที่มีความเครียดอยู่ตลอดเวลา ก็ยากที่จะมีคนอยากเข้ามาพูดคุยกับเรา ดังนั้น อย่าเพิ่มความกดดันให้กับตัวเอง เพราะมันจะทำลายสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของเรา

เติมพลังด้วยความสุข

          ความสุขเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีสีสัน และรู้สึกได้ถึงการถูกเติมเต็มในชีวิต ในโลกของการทำงานก็เช่นเดียวกัน ชีวิตการทำงานของเราจำเป็นต้องมีความสุข เพราะนั่นเป็นการพิสูจน์ว่าผลงานที่เราทำออกมาจะมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ ความสุขทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะมาทำงานทุกวัน และวันทำงานของเรามีคุณค่า ทำอย่างไรจึงจะมีความสุขในการทำงาน? สิ่งเล็ก ๆ ที่เราสามารถทำได้ คือ การไม่เพิ่มความเครียด และความกดดันให้มีมากเกินไป หรืออาจจะหากิจกรรมที่ทำร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานได้ เพื่อเพิ่มรอยยิ้ม และความสนุกสนานในการทำงานแต่ละวัน เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพจิตดี และทำงานอย่างมีความสุขได้ตลอดทั้งปีสุขภาพจิตกับการทำงาน


          คนทำงานหลายคนมักจะเกิดข้อสงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุข เพราะงานที่ทำแต่ละวันนั้น ล้วนเต็มไปด้วยความเครียดและความกดดัน การจะเป็นพนักงานที่มีสุขภาพจิตดี และมีความสุขนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่หากลองพิจารณากันให้ดี เราจะเห็นว่าความสุขในที่ทำงานนั้นสร้างได้ ไม่ยากเลย เพียงแต่เราต้องปรับทัศนคติ และลดความกดดันที่มีในการทำงานให้น้อยลง เพียงเท่านี้ เราก็จะเป็นพนักงานที่มีความสุข และมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง